Home » » (เก็บมาฝาก)สถานที่ท่องเที่ยวและเมืองโบราณของอียิปต์ Hurghada-Luxor

(เก็บมาฝาก)สถานที่ท่องเที่ยวและเมืองโบราณของอียิปต์ Hurghada-Luxor

Written By Unknown on วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553 | 04:09

Hurghada (ar. : Al Ghardaqah, الغردقة) เป็นเมืองในทะเลแดง Governorate ของอียิปต์ เป็นศูนย์กลางการ ท่องเที่ยวหลักและเมืองใหญ่อันดับสอง (หลังจากสุเอซ) ในอียิปต์ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลแดง

เมือง ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 20 ต้นและตั้งแต่ช่วงปี 1980 ได้รับการขยายอย่างต่อเนื่องโดยนักลงทุนชาวอียิปต์และชาวต่างประเทศที่จะ เป็นรีสอร์ทริมทะเลชั้นนำในทะเลแดง โรงแรม ฮอลิเดย์หมู่บ้านและอำนวยความสะดวกสำหรับกีฬาทางน้ำ sailboarders, yachtsmen, นักดำน้ำลึกและ snorkelers
Al - Mahmeya เป็นสวนสาธารณะแห่งชาติของการป้องกันชายฝั่งของ Hurghada

Hurghada ทอดยาวประมาณ 36 กิโลเมตร (22 ไมล์) ตามแนวชายฝั่งทะเลและมันไม่ถึงไกลเป็นทะเลทรายโดยรอบ รีสอร์ทแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวอียิปต์จากไคโร, เดลต้าและตอนปลายอียิปต์รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากยุโรปแพคเกจวันหยุดโดยเฉพาะ อย่างยิ่ง Serbians, Italians, รัสเซีย, เสา, Czechs และชาวเยอรมัน จนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมามันเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ วันนี้นับ Hurghada 248,000 ชาวและแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ Downtown (El Dahar) เป็นส่วนที่เก่า; Sekalla เป็นใจกลางเมืองและ El Memsha (ถนนวิลเลจ) เป็นส่วนที่ทันสมัย Sakkala เป็นไตรมาสที่โรงแรมค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว Dahar เป็นที่ที่ตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองที่ทำการไปรษณีย์และสถานีรถโดยสารทาง ไกลตั้งอยู่

เมืองให้บริการโดย Hurghada สนามบินนานาชาติที่มีการจราจรกำหนดให้ผู้โดยสารและจากไคโรและการเชื่อมต่อ โดยตรงกับหลายเมืองในยุโรป สนามบินนี้ได้ รับการปรับปรุงมากเพื่อรองรับการจราจรที่เพิ่มขึ้น Hurghada เป็นที่รู้จักกันสำหรับกิจกรรมกีฬาทางน้ำยามค่ำคืนและอากาศที่อบอุ่น รายวัน hovers อุณหภูมิรอบ 30 องศาเซลเซียสมากที่สุดของปี ชาวยุโรปใช้ จ่ายจำนวนมากของพวกเขาคริสต์มาสและปีใหม่วันหยุดใน Hurghada ส่วนใหญ่ชาวเยอรมันและชาวอิตาเลียน...........



Luxor. เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดและสำคัญที่สุดของอียิปต์. Luxor. เรียกว่าพิพิธภัณฑ์ทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดเปิด. วันนี้เป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม. ภายใต้ชื่อ Luxor. มักจะสรุปได้รับรางวัลสาม sites โบราณและ Thebes, Karnak และ Luxor. เอง. Luxor. สร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของ Thebes (Thebes, Egypt). Thebes เป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรอียิปต์ใหม่ 1550-1069 พ.ศ. เมืองสร้างขึ้นตามกฎของศาสนาอียิปต์. ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์เป็นบ้านที่อยู่อาศัย, วัดและอาคารเพื่อการเลี้ยงชีพ. ธนาคารตะวันตกของแม่น้ำไนล์ถูกฝังศพและคุณจะพบสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ. ในธนาคารตะวันตกของแม่น้ำไนล์ย์ของ Kings, Temple of Queen Hatshepsut และลีย์ของ Queens Valley ของ Kings และผู้อื่นทำหน้าที่เป็นสถานที่พิธีฝังศพของ pharaohs และขุนนางเป็น. มีการค้นพบสุสานหิน 63. ที่สำคัญที่สุดคือความตายของ Ramses II. และ Tutankhamen. วัด Queen Hatshepsut เป็นโครงสร้างที่ผิดปกติฝังอยู่ในหิน. ในธนาคารของแม่น้ำไนล์นั้นเป็นหนึ่งในวัดอียิปต์ที่ดีที่สุดรักษา. วัดได้เฉพาะสามพระเจ้า, และ Amon, Mut และ Khonsu. มุมมองที่สวยที่สุดของวัดคือ sphinxes Aleje. ซอยแรกนำไปสู่ Karnak - เมืองวัดของ Amon. ซอย Sphinxes ใกล้ obelisk ยืนสูงหลังเขาสองรูปปั้นขนาดใหญ่ของ Ramses II. รูปปั้นยาม 42 เมตรสูง 65 เมตรกว้าง pylons. ในลานของ pylon และ Great นางจรัล 74 ประกอบด้วยชุดของคอลัมน์ 16 เมตรสูง. สำหรับแนวต้นไม้ย่อมาจากวัดของ Amenhotep III. ในธนาคารของแม่น้ำไนล์ที่คุณจะพบสถานที่ที่น่าสนใจและพิพิธภัณฑ์ mummification. ในพิพิธภัณฑ์นี้เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการ mummification. มีวิสัยทัศน์และเครื่องมือที่จำเป็นในการ mummification เป็น. คุณแม่ Masaherty พิพิธภัณฑ์จะไม่เป็นอันตราย. หมู่ luxorským และวัด Karnak เป็นพิพิธภัณฑ์ Luxor.ské. ที่นี่เราสามารถหา artifacts ที่น่าสนใจพบใน Luxor.u และบริเวณใกล้เคียงของ. Karnak จะซับซ้อนวัดที่ใหญ่ที่สุดในอียิปต์และวัด Amónův และทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์รักษา skarabeem ใหญ่. ที่เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวนอกเหนือจากการอบรมเชิงปฏิบัติการ alabaster อนุสาวรีย์ ..

ลักซอร์ (Luxor) หรือนครแห่งความตาย (The City of The Dead) อยู่ทางตอนใต้ของเมืองไคโร ประเทศอียิปต์ กว่า 650 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำไนล์ มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
มากมาย ทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกเมืองของอียิปต์ และเป็นที่นิยมของชาวฝรั่งเศสและชาวยุโรป ส่งผลให้บรรดาโรงแรมระดับห้าดาวต่างพากันจับจองพื้นที่ริมน้ำฝั่งตะวันออก ของแม่น้ำไนล์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวรื่นรมย์กับทัศนียภาพอันงดงามของลำน้ำไนล์ ยิ่งยามแสงอาทิตย์ส่องประกายระยิบระยับยามอาทิตย์อัสดงยิ่งเป็นภาพอันน่า ประทับใจ

ในอียิปต์ แนวถนนเลียบแม่น้ำไนล์นั้นจะมีคำต่อท้ายชื่อว่า คอร์นิส (Corniche) เช่น Sharia Al Corniche
ดังนั้น หากเห็นชื่อถนนในเมืองสำคัญที่มีคำนี้ต่อท้าย ก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นถนนเลียบแม่น้ำไนล์ ซึ่งการันตีได้ว่าหากจองโรงแรมบนถนนเหล่านั้นก็จะได้เห็นวิวแม่น้ำไนล์แน่ นอน ในเมืองลักซอร์นี้มีโรงแรมชื่อดังที่เป็นที่พำนักของเหล่าเซเล็บฯ ระดับอินเตอร์อยู่มากมาย อย่างที่ขึ้นชื่อก็เช่น Winter Palace Hotel ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1887 ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของ อกาธา คริสตี้ มาแล้ว น่านน้ำหน้าโรงแรมแห่งนี้จะมีเรือสำราญขนาดใหญ่มาจอดเทียบท่ารอนักท่อง เที่ยวอยู่มากมาย ซึ่งกิจกรรมการท่องเที่ยวของที่นี่ก็มีให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสนุกหลาก หลาย จะชมเมืองแบบลอยฟ้าด้วยการขึ้นบอลลูนลอยขึ้นชมโบราณสถานจากเบื้องบนก็แปลกตา ไปอีกแบบ หรืออยากล่องแม่น้ำไนล์ด้วยเรือใบโบราณ Felucca ก็มีให้เลือกเช่ามากมาย หรือจะชมเมืองด้วยรถม้าก็มีบริการให้เลือกอย่างสะดวกสบาย ทั้งยังเลือกข้ามไปฝั่งตะวันตกของแม่นํ้าไนล์ หรือเขตเวสต์แบงก์ (West Bank) เพื่อไปเยี่ยมชมซากเมืองโบราณธีบส์ (Thebes) ซึ่งเป็นที่ตั้งของหุบเขากษัตริย์ (Valley of The Kings) แหล่งรวมสุสานขององค์ฟาโรห์กว่า 60 สุสาน ที่ซ่อนอยู่ตามเนินเขาเตี้ยๆ โดยเมื่อซื้อบัตรผ่านจะเลือกเข้าชมได้ 3 สุสาน

จากนั้นหากใครยังไม่อิ่มกับความอัศจรรย์ของสุสานกษัตริย์ อยากชื่นชมกับความงามของภาพวาดภายในสุสานอีก ก็สามารถซื้อบัตรผ่านเพิ่มได้ที่หน้าสุสานเลย โดยเหนือทางเข้าสุสานจะมีป้ายอธิบายผังและบอกว่าเป็นของฟาโรห์องค์ใด การสร้างเป็นการเจาะลึกเข้าไปในหุบเขา แต่ที่น่าทึ่งคือแสงอาทิตย์สามารถส่องถึงห้องบรรจุพระศพได้ โดยส่วนใหญ่เวลาเข้าไปก็จะเดินลงทางแคบๆ ที่พอเดินสวนกันได้สองคน คือทางขึ้นกับทางลง สองข้างทางเดินเป็นรูปอักษรภาพเฮียโรกลิฟิกส์ (Hieroglyphics) สีสดใส ที่มีรั้วกระจกป้องกันการถูก
นักท่องเที่ยวจับต้องลูบคลำภาพวาด เพราะอักษรภาพได้ถูกกัดเซาะทำลายไปมากจึงต้องป้องกันไว้ให้รุ่นหลังได้ดู นานๆ นับเป็นที่ที่ยังคงรักษาสภาพของอักษรภาพให้มีสีสันสดใสอยู่

ส่วนเรื่องราวที่เล่าบนผนังนั้นเป็นเรื่องการสู้รบและชัยชนะ ของฟาโรห์เจ้าของสุสาน ซึ่งทางลงจะชันและลึกลงไปเรื่อยๆ ภายในสุสานค่อนข้างร้อน แห้ง และอับอากาศ แนะนำให้พกน้ำดื่มติดตัวไปด้วยจะช่วยยืดเวลาให้เดินดูได้นานขึ้น หากคิดว่าลงไปแล้วจะได้เห็นสมบัติของฟาโรห์อย่างเต็มอิ่มนั้นไม่ใช่เลย เพราะสมบัติอัน
ล้ำค่าได้ถูกโจรนักล่าสมบัติขโมยไปก็มาก บ้างก็กระจายตัวไปอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะสมบัติของตุตันคาเมนนั้นถูกย้ายไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงไคโรหมด แล้ว สุสานของกษัตริย์ที่แนะนำให้เข้าชมน่าจะเป็นของกษัตริย์ราทเสสที่ 3 ราทเสสที่ 6 และราทเสสที่ 9 ซึ่งก็จะมีบริเวณพักผ่อนและหลบแดดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้พักเอาแรงก่อนลงไป ตะลุยสุสานต่อไป และพอหมดแรงก็มีรถชัตเทิลมารับไปยังลานจอดรถ ห้องน้ำก็มีไว้บริการมากมาย สะอาดดีด้วย ไม่ต้องกลัว แต่อย่าลืมพกแบงก์เล็กไว้ทิปคนแจกทิชชูด้วย


เสร็จจากเยี่ยมชมสุสานอาจจะพักร้อนไปดูโรงงานทำเครื่องใช้ ด้วยหินอลาบาสเตอร์ (Alabaster) ซึ่งจะมีชาว
พื้นเมืองมาสาธิตวิธีขุดและกลึงหินอลาบาสเตอร์ที่มีหน้าตาคล้ายหินอ่อนบ้าน เรา เครื่องใช้ที่ผ่านการกลึงและขุดแล้วมักจะเป็นแจกันหรือขวด ซึ่งสมัยก่อนชาวอียิปต์โบราณจะใช้เครื่องใช้ที่ทำจากหินเหล่านี้ใส่เครื่อง หอมต่างๆ หรือในพิธีทำมัมมี่ก็ไว้เก็บเครื่องในของเจ้าของมัมมี่ แต่ละโหลจะมีอักษรภาพและคำสาปกำกับ ฝาปิดจะเป็นเทพเจ้าปางต่างๆ ซึ่งเป็นผู้คุ้มครองเครื่องในเหล่านั้นไว้มิให้ใครเปิดก่อนเวลาอันควร ซึ่งหากถูกเปิดออกจะทำให้มัมมี่ไม่สามารถคืนชีพได้

พอคลายเหนื่อยหายร้อนกันแล้วก็ไปชมวิหารฮัสเชฟสุต (Hatshepsut) กันต่อ วิหารนี้มีหน้าตาแปลกกว่าที่อื่น
เพราะสร้างแกะลึกเข้าไปในหุบเขา และเจ้าของเป็นพระนางฮัสเชฟสุต ซึ่งชาวอียิปต์เรียกว่าราชินีมีเครา เพราะพระนางขึ้นครองราชย์โดยพรางตัวเป็นฟาโรห์ ด้วยการฉลองพระองค์เป็นฟาโรห์ด้วยเครื่องฉลองพระองค์เต็มยศ ทั้งเครื่องสวมศีรษะและเคราในยามออกว่าราชการ เพื่อให้ประชาชนคิดว่าพระนางเป็นชาย และยังทรงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักบวชผู้ออกแบบวิหารที่เป็นสุสานนี้ให้ แก่พระนาง ในเวลาต่อมา พระนางถูกลอบปลงพระชนม์ และวิหารก็ถูกทำลายและขูดฆ่าชื่อพระนางทิ้ง แต่ปัจจุบันก็ยังคงสามารถเห็นร่องรอยความยิ่งใหญ่ของวิหารแห่งนี้ได้

อีกจุดชมวิวระหว่างทางกลับไปที่เขตอีสต์แบงก์ (The East Bank) หรือฝั่งเมืองลักซอร์นั้นจะผ่านรูปปั้นยักษ์
แมมม่อน (Memmon Gigantic) ซึ่งสามารถใช้เวลาไม่มากในการกระโดดลงไปถ่ายรูปคู่ได้ แล้วค่อยกลับเข้า
เมืองลักซอร์เพื่อไปชื่นชมเขตตะวันออก (East Bank) ของเมืองลักซอร์ ชมวิหารคาร์นัค (Karnak Temple)
และวิหารลักซอร์ (Luxor) ซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อถึงกัน ประวัติโดยย่อของวิหารคาร์นัคนั้นเป็นชื่อของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ด้านขวาของ แม่น้ำไนล์ มีวิหาร อาคารต่างๆ มากมาย เป็นการสร้างต่อเติมและปฏิสังขรณ์จากฟาโรห์หลายๆ ราชวงศ์ วิหารนี้มีเสาสูงใหญ่จำนวน 134 ต้น เรียงรายเป็น 4 แถว แต่ละต้นสูง 23 เมตร เส้นรอบวง 10 เมตร สลักด้วยอักษรภาพ นอกจากนี้ยังมีกำแพงล้อมรอบวิหารที่มีอักษรภาพเล่าเรื่องการต่อสู้และชัยชนะ อันยิ่งใหญ่ของฟาโรห์เพื่อฉลองชัยชนะ โดยวิหารนี้เป็นการเล่าเรื่องราวสมัยโบราณตั้งแต่ยุคอาณาจักรกลางถึงยุคที่ โรมันเข้าครอบครอง รวมเวลากว่า 2,000 ปี ใกล้ๆ กันเป็นที่ตั้งของวิหารลักซอร์ ซึ่งมีขนาดเล็กว่าวิหารคาร์นัค วิหารทั้งสองแห่งนี้สร้างขึ้นสำหรับพิธีบวงสรวงพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งระหว่างวิหารคาร์นัคและวิหารลักซอร์จะมีทางเดินเชื่อมต่อกัน ข้างทางประดับด้วยสฟิงซ์ที่มีส่วนหัวเป็นแพะและตัวเป็นสิงโต โดยวิหารทั้งสองแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของชาวอียิปต์โบราณในการก่อ สร้างด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ โดยไม่มีลิ่มสลักหรือสิ่งเชื่อมโยงยึดติดใดๆ และยังมีความแข็งแรงคงทนมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นเป็นอันมาก

วิหารลักซอร์ เป็นวิหารที่รวม 3 วัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เมื่อเดินเข้าด้านในวิหารส่วนแรกจะเห็นส่วนประกอบ
ลักษณะเป็นสุเหร่าของศาสนาอิสลามอยู่เหนือวิหาร เพราะวิหารนี้เคยถูกฝังอยู่ใต้ผืนทรายเป็นเวลานาน เมื่อชนชาติอิสลามเข้าครองอียิปต์จึงสร้างสุเหร่าบนบริเวณนี้ โดยไม่รู้ว่าได้สร้างทับวิหารอียิปต์โบราณ เราจึงได้เห็นวิหารอียิปต์ที่มียอดเป็นโดมของสุเหร่า และเมื่อเดินลึกเข้ามาจะเจอรูปปั้นฟาโรห์นั่งตระง่านอยู่ด้านซ้ายและขวา ที่ด้านล่างของบัลลังก์จะมีรูปแกะสลักภาพฉลองชัยชนะการสู้รบและการพาเฉลยศึก ชาวนูเบียนเข้ามา เมื่อเดินลึกเข้าไปส่วนในสุดจะเป็นส่วนของโบสถ์ที่ได้รับอิทธิพลจากชาว คริสเตียน เนื่องจากพระเจ้า
อเล็กซานเดอร์มหาราชมีชัยเหนืออียิปต์ช่วงอาณาจักรใหม่ จึงทำให้มีลักษณะของโบสถ์ชาวคริสต์อย่างเห็นได้ชัด มีภาพฝาผนังวาดด้วยเทคนิคเฟรสโก้ และทหารของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชยังซ่อมแซมวิหารนี้อย่างขอไปที ทำให้รูปแกะสลักไม่ต่อกันอย่างถูกต้องและสลับชิ้นกันไปหมด ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นผนังวิหารด้านที่อยู่ใกล้ส่วนที่เป็นโบสถ์คริสต์ด้านหนึ่ง มีรูปภาพแกะสลักนูนต่ำที่มีหัวฟาโรห์กลับหัวเหมือนจิกซอว์ที่ต่อผิด และเมื่อเดินผ่านช่องเล็กๆ ในโบสถ์ไปจะเป็นห้องสวดมนต์ซึ่งมีภาพแกะสลักอักษรภาพเฮียโรกลิฟิกส์แบบนูน ต่ำที่ค่อนข้างอีโรติก เนื่องจากมีเรื่องเล่ากันว่าช่วงที่อียิปต์รบพุ่งกับข้าศึก ทหารชาวอียิปต์ไม่ได้กลับบ้านเนื่องจากล้มตายไปก็มาก ทำให้เมืองนี้ประชากรลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เทพเจ้าองค์นี้จึงใช้อำนาจบันดาลให้แม่บ้านชาวอียิปต์ท้องพร้อมกันทั้งหมู่ บ้าน และคลอดลูกออกมาเป็นทารกเพศชายทั้งหมด เพื่อสร้างประชากรเพศชายเพิ่มขึ้นมาช่วยกันสู้รบกับข้าศึก นี่เองจึงเป็นเรื่องราวของการสร้างประชากรของเทพเจ้าอียิปต์องค์นี้ ท่านมีส่วนสำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ของเพศชายค่อนข้างใหญ่จนต้องตาค้างเลยที เดียว ใครอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรต้องไปดูด้วยตัวเอง

กิจกรรมที่ขอแนะนำคือ หากใครอยากดื่มดำกับวิหารคาร์นัคยามค่ำคืน สามารถดูการแสดงโชว์แสงสีเสียงได้ตอนค่ำ ซึ่งจะมีรอบให้เลือกมากมาย แบ่งเวลาตามภาษาที่บรรยาย โดยภาษาอังกฤษจะเริ่มก่อนตอน 18.30 น. แนะนำให้ใส่รองเท้าสบายๆ เข้าชม เพราะต้องวิ่งฝุ่นตลบไปตามจุดต่างๆ ที่มีการแสดง และถ้ายิ่งเป็นคนไทยตัวเล็กก็กรุณาหาทำเลแถวหน้าๆ เข้าไว้ เพราะไม่เช่นนั้นอาจโดนนักท่องเที่ยวฝรั่งตัวโตบดบังทัศนียภาพทำให้เสีย อารมณ์ในการชมได้

Food
อาหารพื้นเมืองส่วนใหญ่เป็นไก่ เนื้อวัว ไส้กรอก ขนมปัง แบบอาหารเลบานิส หากชอบรสจัดและไม่ชอบอาหารพื้นเมือง แนะนำให้พกอาหารแห้งอย่างหมูหย็อง น้ำพริกนรก บะหมี่สำเร็จรูปไปด้วย

Shopping
ควรใช้ทักษะในการต่อให้มากๆ เพราะพ่อค้าในตลาดจะบอกราคาแพงกว่าราคาจริง 3 - 4 เท่า และอาจถูก
หลอก เวลาซื้อของควรเตรียมเงินให้พอดีกับราคาของ พ่อค้าที่นี่เจ้าเล่ห์มาก อาจไม่ทอนเงินให้ แต่ชวนซื้อของหลายๆ ชิ้นและคิดราคาให้คุณงงเล่น พอรู้ตัวก็จ่ายแพงกว่าราคาจริงไปมาก เมื่อรับของมาแล้วควรตรวจเช็คด้วยว่าได้ของครบหรือไม่



Share this article :

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. Persatuan Usrah Ainshams Mesir Patani - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website
Proudly powered by Blogger